“ปล่อยนะครับ”
อิสึรุสะบัดมือ แต่กลับถูกอีกฝ่ายบีบแน่นขึ้น เขาใช้มืออีกข้างดันแผ่นอกกว้าง งินสอดมือไปโอบเอวบาง
เกิดการยื้อยุดขึ้น แล้วทั้งสองก็ลื่นล้มลงบนพื้นโดยอิสึรุอยู่ล่าง
งินค่อมอยู่ข้างบน จมูกของงินใกล้แก้มเนียนมากจนรู้สึกถึงความร้อนของลมหายใจ
อิสึรุทั้งตกใจทั้งทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นอนห่อตัว
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมงินไม่ลุกออกไปสักที กลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้เหมือนจะจูบเขา
“อิสึรุ
นายรู้ตัวรึเปล่าว่าตัวเองน่ารักมากแค่ไหน”
เสียงกระซิบอบอุ่นอ่อนโยนของงินเหมือนชายที่กำลังตกอยู่ในห้วงรัก
“พะพูดอะไรน่ะครับ”
อิสึรุผลักงินเต็มแรง เขาวิ่งทุลักทุกเลไปคว้าชุดยูคาตะมาใส่อย่างลุกลน
ไม่ทันผูกผ้าคาดเอวให้ดีก็วิ่งออกไปจากออนเซ็นทั้งที่ผมเปียกโชก
ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความขวยเขิน ใจเต้นตึกตักราวกับรัวกลอง เขาไม่เคยใกล้ชิดงินมากขนาดนี้มาก่อน
หัวหน้าตั้งใจทำอะไรกันแน่ ชมว่าฉันผิวสวยบ้างล่ะ น่ารักบ้างล่ะ
เขาคิดอะไรอยู่ไม่เข้าใจเลย หรือแค่ปั่นหัวเราเล่นเพื่อความสนุก เกลียดที่สุด
เกลียดที่ต้องเป็นของเล่นของหัวหน้า
“รองหัวหน้าคิระเป็นอะไรไปครับ
ทำไมออกจากออนเซ็นทั้งเปียกะลอกมะแลกอย่างนั้นล่ะครับ”
ยูมทูตชายที่กำลังเล่นไพ่ในห้องพักรวมหันมาถาม
“มะไม่มีอะไร”
อิสึรุหอบแฮกๆ เขาไม่ได้เหนื่อย แต่ใจเต้นแรงเพราะความตื่นเต้นและสับสน
ร่างบางตรงไปยังสัมภาระที่วางอยู่เหนือฟูกนอน เขาหยิบผ้าเช็ดตัวสำรองออกมาเช็ดผม
จากนั้นก็ล้มตัวลงนอน วันนี้เจอเรื่องเครียดมามากแล้ว อยากจะหลับให้ลืมๆไปซะ
อิสึรุพยายามข่มตาหลับ
แต่เสียงเฮของวงไพ่ทำให้เขาหลับไม่ลงสักที นอกจากวงไพ่
พวกผมทูตชายยังจับกลุ่มเล่าเรื่องผีกันอีก
เจ้าพวกนี้ไม่คิดจะหลับจะนอนกันบ้างหรือไง!? อิสึรุยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างหัวเสีย
เขาง่วงมากแต่มีเสียงอึกทึกรอบตัวแบบนี้เขาไม่สามารถหลับได้หรอก
เมื่อเป็นดังนั้นอิสึรุจึงเดินออกจากห้องไปตามทางทางเดิน
เขายืนเหม่อมองพระจันทร์เสี้ยวอย่างง่วงงุน จากนั้นก็นั่งลงพิงเสา สงสัยคืนนี้ฉันคงต้องนอนที่นี่
“มาทำอะไรตรงนี้น่ะ
อิสึรุ”
คิ้วบางขมวดเข้าหากัน
ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเสียงที่เอ่ยทักคือหัวหน้าหน่วยของเขาเอง ทำไมต้องมาตอนที่ไม่อยากเจออยู่เรื่อย
ร่างสูงย่อตัวลงนั่งข้างร่างบาง
งินอยู่ในยูคาตะสีขาวที่มีลายจางๆตรงปลาย ยิ่งดูเหมือนจิ้งจอกสีเงิน
“คนอื่นเล่นไพ่เสียงดังน่ะครับ”
“ก็เลยนอนไม่หลับออกมาเดินเล่น?”
“ครับ
แล้วหัวหน้า...”
“ไปห้องน้ำมา”
“อ้อ”
อิสึรุยิ้มเล็กน้อยกับคำตอบง่ายๆของงิน แต่ก็อดหงุดหงิดในความบังเอิญไม่ได้
งินยื่นมือให้อิสึรุ
“ถ้าไม่รังเกียจไปนอนห้องฉันก็ได้นะ มีฟูกนอนอีกอันอยู่ในตู้”
“ไม่เป็นไรครับ
ผมจะรอตรงนี้จนกว่าคนอื่นๆจะเข้านอน”
“ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก
นานๆสมาชิกหน่วยสามจะได้มาเที่ยวด้วยกัน เจ้าพวกนั้นคงเฮฮากันถึงตีสามตีสี่
แล้วก็หลับยันบ่าย”
“งั้นผมจะนอนตรงนี้”
“ตากน้ำค้างเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก
ฉันไม่สามารถใจร้ายปล่อยให้นายนอนตรงนี้ได้” มือแกร่งยื่นไปคว้าต้นแขนเรียว
“ไปกันเถอะ”
“ดะเดี๋ยวก่อนครับ”
อิสึรุร้องห้าม ทว่าร่างผอมบางของเขาถูกแขนของงินรั้งขึ้นเสียแล้ว เขาพยายามผละออกแต่กลับถูกช้อนตัวอุ้มขึ้น
“ปะปล่อยนะครับ”
ร่างบางพยายามดิ้นหนี
“อย่าโวยวายสิ
อยากให้คนอื่นมาเห็นในสภาพถูกอุ้มเหมือนเจ้าสาวหรือไง”
“พะพูดอะไรน่ะ”
งินหัวเราะหึหึ
เมื่อมาถึงห้องเขาใช้เท้าเลื่อนประตูแล้ววางร่างอิสึรุลงบนฟูกนอน “เอาล่ะทำตัวเป็นเด็กดี
นอนหลับซะ”
“ตะแต่ว่า”
คิระตัวเกร็งราวกับหิน งินเดินไปปิดประตู จากนั้นก็ไปเปิดตู้เก็บของนำฟูกนอนกับหมอนออกมาปูข้างอิสึรุ
“หลับซะสิ
พรุ่งนี้จะได้สดชื่น” คุณจิ้งจอกดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว
เมื่อเห็นว่าทำอะไรไม่ได้
กลับห้องพักรวมก็ต้องเจอเสียงดังน่ารำคาญ
อิสึรุจึงล้มตัวลงบนฟูกนอนแล้วดึงผ้าหุ่มขึ้นมาคลุมร่าง
ผ่านไปพักใหญ่ชายหนุ่มก็ยังไม่อาจข่มตาหลับได้
ต้องมานอนเคียงข้างงินสองต่อสองทำให้เครียดยิ่งกว่าเสียงดังโวยวายของวงไพ่เสียอีก
“หัวหน้าครับ”
อิสึรุเรียกเพื่อดูว่างินหลับรึยัง
“มีอะไรเหรออิสึรุ”
“...”
“พูดมาสิ”
งินเร่ง
“หัวหน้าทำแบบนี้กับรองหัวหน้าทุกคนรึเปล่าครับ”
“หือ!? ทำอะไรเหรอ”
“ชมว่าน่ารักบ้าง
ผิวสวยบ้าง ชมทุกคนแบบนี้รึเปล่าครับ”
“อ้อ
เรื่องนั้นเองเหรอ ฉันชมเฉพาะอิสึรุคุงเท่านั้นแหละ ไม่ได้ชมเพราะอยากเอาใจหรืออะไร
ฉันชมเพราะคิดอย่างนั้นจริงๆ”
อิสึรุซุกหน้าร้อนผ่าวใต้ผ้าห่ม
“แต่ผมเป็นผู้ชาย...หัวหน้าได้โปรดอย่าชมแบบนี้อีกได้มั้ยครับ มันชวนให้เข้าใจผิด”
งินไม่ตอบ
ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้อง อิสึรุได้ยินเสียงขยับตัว
ร่างบางสะดุ้งโหยงเมื่อมืออุ่นแตะลงบนคอ งินก้มลงกระซิบที่ข้างหู
“นายไม่ได้เข้าใจอะไรผิดหรอก สำหรับฉันนายน่ารักมากทั้งหน้าตาและนิสัย”
มือเรียวจิกผ้าห่มแน่น
ร่างกายสะท้านเมื่อมือของงินสอดเข้าไปใต้คอเสื้อยูคาตะ “จะทำอะไรน่ะ!?”
อิสึรุพยายามดันร่างงินออก
แต่กลับถูกอีกฝ่ายโน้มตัวลงมาประกบปาก ชายหนุ่มผมทองเผยอปากขึ้นด้วยความตกใจ
งินฉวยโอกาสใช้ลิ้นร้อนลุกล้ำเข้าไปสำรวจโพรงปากของอิสึรุ
ขณะเดียวกันก็ไม่ปล่อยให้มือทั้งสองอยู่ว่าง รีบปลดผ้าคาดเอวของร่างข้างใต้ออก
จากนั้นก็ดึงผ้าเตี่ยวให้หลุด อิสึรุตกใจสุดขีดจนตาเบิ่งค้าง
พอเริ่มได้สติก็กัดปากงิน
“โอ๊ยย”
งินจำใจต้องปล่อยเรียวปากของอิสึรุเป็นอิสระเพราะความเจ็บ
“อิสึรุใจร้ายจัง”
งินตัดพ้ออย่างน้อยใจ แต่กลับใช้กำลังบังคับ มือแกร่งกดข้อมือเรียวลงบนฟูก
ใช้ขาทั้งสองของตัวเองง้างขาอิสึรุ ทั้งยังใช้น้ำหนักตัวที่มากกว่ากดร่างบางไม่ให้ขัดขืน
“ปล่อยนะครับ
อย่าทำแบบนี้” ตอนนี้อิสึรุรู้แล้วว่างินไม่ได้ชมเพื่อแกล้งปั่นหัวเขาเล่น
แต่งินปรารถนาในตัวเขาจึงพูดเช่นนั้น โถ่เว๊ยย! ฉันน่าจะระวังตัวให้มากกว่านี้
“คิระนายเองก็ชอบฉันไม่ใช่เหรอ
พวกเราเข้ากันดีออก เป็นของฉันเถอะนะ” ร่างสูงก้มลงจูบซอกคอขาวเนียน จากนั้นลากลิ้นลงไปที่หน้าอก
หยอกล้อกับยอดอกสีน้ำตาลที่แข็งขึ้นด้วยความวาบหวาม อิสึรุครางเสียงแผ่วอย่างลืมตัว
ที่ผ่านมาเขามัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนเพื่อสอบให้ได้คะแนนดี
พอเป็นยมทูตก็ทำงานตัวเป็นเกรียว ไม่มีเวลาให้เรื่องรักๆใคร่ๆ
เขาไม่มีประสบการณ์ด้านนี้สักนิด พอต้องต้องอยู่ในสภาพนี้ถึงกับทำอะไรไม่ถูก
ร่างบางตกใจที่ถูกรุก แต่เขาไม่ได้รังเกียจงิน
ความจริงเขาแอบปลื้มชายคนนี้อยู่ลึกๆตั้งแต่ถูกช่วยไว้จากฮิวจ์ฮอลโลว์
ตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียนยมทูต
พอได้ใกล้ชิดกันก็ยิ่งชอบ ทั้งสองเข้ากันได้ดีมากทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว
อิสึรุไม่รู้จะทำอย่างไรดี ด้านหนึ่งก็ดีใจที่งินชอบเขา
แต่ความไร้เดียงสาอีกด้านผลักดันให้ขันขืน
“ไม่ต้องกลัว
ฉันจะอ่อนโยนกับนาย แค่ปล่อยร่างกายให้ผ่อนคลาย เตรียมโอบรัดฉันก็พอ”
“โอบรัด!?” พอคิดว่างินจะสอดใส่เข้ามา ร่างกายของอิสึรุก็ร้อนผ่าวจนแทบเป็นลม
ทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น ไม่จริงน่า...ฉันกำลังจะเสียตัวครั้งแรกกับผู้ชายงั้นเรอะ
ไม่นะ! ฉันยังไม่พร้อมจะเป็นของใคร
“เด็กดี
นายเองก็ชอบให้ฉันสัมผัส ชอบให้ฉันกอดจูบไม่ใช่เหรอ แล้วจะกลัวการโอบรัดฉันทำไมล่ะ
ครั้งแรกอาจจะเจ็บสักหน่อยแต่อย่าได้กลัวไปเลย
ฉันจะพยายามอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้” งินกระซิบข้างหูอิสึรุอย่างอ่อนโยน
เลื่อนมือไปสัมผัมส่วนอ่อนไหว ร่างบางกระตุกสั่น
อิสึรุบีบข้อมืองิน
แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมหยุดขยับมือ
ความเสียวซ่านจากการเสียดสีทำให้แก่นกายของอิสึรุแข็งตัว ความรู้สึกวาบหวามแล่นไปทั่วร่าง
มือไม้อ่อนจนไร้เรี่ยวแรงผลักไส ความรู้สึกต้องการกับต่อต้านตีกันยุ่งไปหมด
สุดท้ายก็ปล่อยกายปล่อยใจให้งินควบคุมตามใจชอบ
เสียงครางกระเส่าเล็ดลอดจากเรียวปากสีชมพูเป็นระยะเมื่อถูกเรียวปากอุ่นจูบตามจุดอ่อนไหว
เมื่อถูกงินเล้าโลมมากเข้า อิสึรุก็เลิกต่อต้านโดยสิ้นเชิง
หัวใจรุ่มร้อนด้วยความปรารถนา รัก รักงิน....
มือเรียวรั้งคอร่างสูงให้โน้มตัวลงมาจูบ
ขณะแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มงินก็เลื่อนมือไปที่ส่วนอ่อนไหวของผู้ที่อยู่ใต้ร่าง
สอดนิ้วเข้าไปเพื่อตระเตรียมก่อนการสอดใส่ อิสึรุจิกแผ่นหลังกว้างเพื่อระบายความเจ็บปวด
งินดึงมือออกจากนั้นค่อยๆดันแก่นกายเข้าไป
“อ๊าาา”
อิสึรุร้องเสียงหลง เพราะถูกล่วงล้ำเป็นครั้งแรกจึงเจ็บ
เมื่อเห็นใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด
งินรู้สึกสงสารอิสึรุจับใจ ทว่าเขายังคงฝืนเคลื่อนเข้าไปช้าๆ
มาถึงขั้นนี้แล้วถึงหยุดกลางคันก็เปล่าประโยชน์ ถือว่าอิสึรุได้ลึกซึ้งกับเขาแล้ว งินต้องการทำต่อเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของอย่างสมบูรณ์
อิสึรุจิกเล็บลึกขึ้นตามความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้น
ข่วนจนหลังงินมีเลือดไหลซิบ ชายหนุ่มผมเงินไม่ได้โกรธแม้แต่น้อย
เพราะเขาทำให้อิสึรุต้องเจ็บโดนฝ่ายนั้นข่วนให้ก็สมควรแล้ว งินก้มลงจูบอิสึรุพร้อมกับดันเข้าไปจนมิดด้าม
ความเจ็บปวดทำให้ชายหนุ่มเผลอกัดปากงินอย่างลืมตัว
ต่างลิ้มรสเค็มจากเลือดของกันและกัน ร่างสูงขยับเข้าออกช้าๆ บัดนี้เขาได้ครอบครองอิสึรุอย่างสมบูรณ์แล้ว...
“งะงิน...อ๊าา”
ร่างบางสั่นสะท้าน ทั้งที่เจ็บปวดแต่กลับมีความสุขจนไม่อาจบรรยายได้
ความสุขที่ได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับงิน
เสียงกระบอกไม้ไผ่กระทบกันเป็นจังหวะตามการไหลของน้ำในสวน
ปลุกคิระ อิสึรุให้ได้สติ ร่างบางยันตัวลุกขึ้นช้าๆ รู้สึกเจ็บแปลบที่บั้นท้าย
เขายกมือขึ้นขยี้ตา มองไปรอบห้องอย่างตื่นตกใจ
“เรื่องเมื่อคืน...เป็นแค่ความฝันใช่มั้ย”
แก้มเนียนเป็นสีแดงก่ำเมื่อนึกถึงฉากรักเมื่อคืน เขาภาวนาขอให้เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นเพียงความฝัน
เป็นไปไม่ได้หรอก หัวหน้าจะทำแบบนั้นได้ยังไง ต้องเป็นความฝันแน่ๆ
แต่ความเจ็บแปลบที่บั้นท้ายทำให้อิสึรุต้องก้มลงมองอย่างกล้าๆกลัวๆ
ร่างบางกลืนน้ำลายดังเฮือกเมื่อเห็นตัวเองในสภาพเปลือยเปล่า
มีรอยแดงเป็นจ้ำๆ
แต่สิ่งที่ทำให้ตกใจจนแทบเป็นลมคือคราบขาวขุ่นเปรอะเต็มต้นขาและหน้าท้อง
เขารู้ทันทีว่านั่นคือน้ำรักที่ปลดปล่อยจากร่างกายของเขาและงิน
“มะไม่จริง”
อิสึรุยกมือขึ้นกุมขมับ รู้สึกสับสนไปหมด เมื่อคืนคือครั้งแรกของเขา
แต่ดันเป็นครั้งแรกกับผู้ชายที่ไม่เคยพูดว่ารักเขาสักคำ
ชายหนุ่มโกรธมากที่งินฉวยโอกาสรุกเขาโดยไม่ให้ตั้งตัว
แต่จะกล่าวหาว่างินขืนใจก็ไม่ได้ เพราะเขาเองก็ไม่ได้ขัดขืน
ชายหนุ่มผมทองมองไปรอบๆห้อง
ไม่มีแม้แต่เงาของงิน แต่สัมภาระยังวางอยู่ที่มุมห้อง อิสึรุยันตัวลุกขึ้น
ใส่ยูคาตะให้เรียบร้อยแล้วเดินออกจากห้อง
ถึงอับอายแต่เขาต้องพูดกับงินให้รู้เรื่อง
“รองหัวหน้าคิระเป็นอะไรเหรอครับ
ทำไมถึงเดินโซเซอย่างนั้นล่ะ หน้าตาก็ดูอิดโรย”
นักสู้ลำดับหกถามขึ้นเมื่อบังเอิญเจอกันที่ทางเดิน
“แค่สะดุดหกล้มน่ะ
ไม่มีอะไรหรอก ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ ว่าแต่เห็นหัวหน้าอิชิมารุบ้างรึเปล่า”
“ไม่เห็นครับ”
“งั้นเหรอ...”
อิสึรุกล่าวอย่างผิดหวัง เมื่อนึกได้ว่าคราบน้ำรักของเขากับงินเปรอะต้นขาและหน้าทอง
ร่างบางจึงไปที่ออนเซ็นเพื่อชำระล้างร่างกาย
โชคดีที่มีหมอกจางๆปกคลุมอยู่จึงไม่มีใครสังเกตุเห็น
อิสึรุเจองินโดยบังเอิญในตอนบ่ายที่ร้านน้ำชาของโรงแรม
เขาตั้งใจจะคุยให้รู้เรื่องแต่งินกลับหนีไปโดยอ้างว่าต้องจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายกับโรงแรม
อิสึรุพยายามเข้าไปคุยกับงินอีกหลายครั้ง แต่ทุกครั้งงินก็หาเรื่องหลบหน้าไม่ก็หาคนอื่นมาอยู่ด้วย
จนแล้วจนรอดอิสึรุก็ไม่มีโอกาสได้คุยกับงินตามลำพัง
หลังกลับจากพักผ่อนที่ออนเซ็นบรรยากาศระหว่างหัวหน้าหน่วยสามกับรองหัวหน้าก็เป็นไปด้วยความเย็นชา
งินยังคงอ่อนโยนกับอิสึรุเหมือนเดิม แต่หลีกเลี่ยงที่จะอยู่ด้วยกันตามลำพังและไม่แตะต้องตัวอิสึรุ
มือเรียวจุ่มพู่กันลงในขวดหมึกแล้วเซ็นลงบนเอกสาร ลมจากหน้าต่างพัดปอยผมสีทองปรกหน้า
อิสึรุยกมือขึ้นปัดผม เงยหน้าเหม่อมองไปยังท้องฟ้าสีเทา
ใบหน้าของงินลอยขึ้นมาซ้อนทับ คิ้วบางขมวดมุ่นอย่างขัดใจ หลังจากคืนนั้นก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว
หัวหน้าไม่พูดอะไรสักเขา เขาทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ที่ชมฉันว่าน่ารักอย่างนู้นอย่างนี้ คงแค่หลอกให้ตายใจสินะ อิสึรุรู้สึกเจ็บใจไม่ต่างจากถูกฟันแล้วทิ้ง
ร่างบางลุกขึ้นไปยืนข้างหน้าต่างแล้วยืดเส้นยืดสาย
เขาทำงานติดต่อกันมานานจนเริ่มเมื่อยล้า
ทันใดนั้นสายตาของเขาก็สะดุดเข้ากับผมสีเงินล้ำค่าของงินที่เดินอยู่เบื้องล่าง
จะไปไหนของเขานะ
อิสึรุคิดในใจ ถ้าตามไปฉันอาจมีโอกาสได้คุยกับหัวหน้าตามลำพัง
มือเรียวจัดกองเอกสารให้เป็นระเบียบ จากนั้นก็รีบร้อนวิ่งออกไปจากห้องทำงาน
ชนยมฑูตล้มไปหนึ่งแต่เขาไม่มีเวลามากพอที่จะขอโทษ
อิสึรุซ่อนแรงกดดันวิญญาณ
แอบสะกดรอยตามงินที่มีท่าทีลับๆล่อๆไม่ต่างจากเขาซึ่งเป็นคนสะกดรอยตาม หัวหน้ามีอะไรปิดบังกันแน่นะ
ถึงอิสึรุจะซ่อนแรงกดดันวิญญาณ
แต่งินซึ่งมีความสามารถสูงขนาดได้เป็นหัวหน้าหน่วยตั้งแต่อายุน้อยมีหรือจะจับพลังกดดันวิญญาณไม่ได้
แม้จะเล็กน้อยจนคนอื่นไม่รู้ เจ้าบ้าอิสึรุจะตามมาทำไมกันนะ ไม่ได้การ
จะให้รู้ไม่ได้ว่าฉันจะไปหาไอเซ็นกับโทเซ็น
ถ้าอิสึรุรู้เข้าฉันคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฆ่าปิดปาก
ซึ่งนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่ฉันอยากทำ...
อิสึรุแปลกใจที่อยู่ๆงินก็เปลี่ยนเส้นทางกระทันหันแทบจะเป็นทิศตรงข้ามกับที่เดินมาเมื่อสักครู่
ซึ่งถ้าเดินไปเรื่อยๆจะออกนอกเมือง หรือหัวหน้ารู้ตัวว่าฉันตามมา!?
จากท่าทีระมัดระวังตัวราวกับจะไปทำเรื่องไม่ดี
งินเปลี่ยนท่าทางการเดินเป็นท่วงท่าสบายๆ ยมทูตหน่วยสิบทักทายงินอย่างประหลาดใจที่อยู่ๆหัวหน้าหน่วยสามก็มาหน่วยสิบตามลำพัง
เขาพูดอะไรบางอย่างกับยมทูตหน่วยสาม จากนั้นชายคนที่งินพูดด้วยก็ตามรังงิคุออกมาพบ
ทั้งสองเดินไปร้านน้ำชาด้วยกัน
นั่งคุยกันอย่างสนิทสนมที่ระเบียงชั้นสองของร้านน้ำชา ราวกับอยากให้คนทั้งโซลโซไซตี้ได้เห็น
ที่แท้ก็มาพบคุณมัตสึโมโตะ
หัวใจดวงน้อยของอิสึรุปวดแปลบเหมือนถูกบีบ
จะไม่ให้เสียใจได้อย่างไรเมื่อเห็นชายที่เคยร่วมรักกับเขาไปคุยกับผู้หญิงอื่นอย่างสนิทสนม
เพราะหัวใจของหัวหน้าอิชิมารุมีแต่คุณมัตสึโมโตะ เพราะอย่างนี้หัวหน้าจึงเย็นชากับเรา
เรื่องคืนนั้นคงเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบสินะ
อิสึรุพาร่างไร้เรี่ยวแรงกลับหน่วยสามอย่างซังกะตาย
ตั้งใจว่าจะลืมเรื่องคืนนั้นให้หมดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เปล่าประโยชน์ที่จะถาม
ถึงถามไปหัวหน้าก็คงตอบว่ารักคุณมัตสึโมโตะ
..............................................................................................................................
ในบ่ายอันเงียบสงบคืนหนึ่ง
อยู่ๆก็มีเสียงประกาศว่ามีฮอลโลระดับสูงปรากฏตัวใกล้เขตของหน่วยสาม
วันนั้นงินไม่อยู่ตั้งแต่เช้า บอกเพียงมีธุระสำคัญต้องไปทำตามลำพัง
อิสึรุซึ่งดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าหน่วยสามประกาศให้ยมฑูตในหน่วยไปซ่อนตัวที่ส่วนในซึ่งมีม่านพลังปกคลุมอยู่
ส่วนตัวเขา นักสู้มีอันดับ และพวกที่ชำนาญด้านการต่อสู้
ออกไปตั้งรับหลังกำแพงชั้นนอก
ฮอลโลว์ขนาดกลางสามตัวซึ่งมีพลังกดดันวิญญาณเข้มข้นแบบที่อิสึรุไม่เคยพบเจอมาก่อนปรากฏตัวขึ้น
เขารู้สึกหวาดหวั่นเพราะประเมินเจ้าพวกนี้ไม่ออก
พวกมันเหมือนฮอลโลว์สายพันธุ์ใหม่ที่เพิ่งวิวัฒนาการ แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องปกป้องชิวิตสมาชิกหน่วยสาม
เมื่อแบ่งกลุ่มและอธิบายแผนการเรียบร้อยแล้ว ยมทูตของหน่วยสามที่มาตั้งรับก็ลุยเข้าไปพร้อมกัน
“ไม่ว่าจะเอาชนะได้หรือไม่
อย่างน้อยก็ต้องถ่วงเวลาจนกว่าหน่วยอื่นจะส่งกำลังเสริมมา” อิสึรุตะโกน
“ครับ/ค่ะ”
พวกยมทูตขานรับ
“จงเชิดหน้าขึ้น!!” อิสึรุปลดปล่อยวาบิสึเกะ นักสู้อันดับสามลุยเข้าไปซึ่งหน้า
ดึงความสนใจจากฮอลโลว์ เปิดโอกาสให้อิสึรุลอบฟันจากด้านหลัง น้ำหนักตัวของฮอลโลว์เพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อถูกฟันครั้งแรก
อิสึรุฟันซ้ำอีกครั้ง ฮอลโลว์โชคร้ายก็หนักจนไม่อาจลุกขึ้นได้ ขณะกำลังจะปิดบัญชี
ก็ได้รินเสียงร้องระงบของพวกลูกหน่วย ฮอลโลอีกตัวที่มีลักษณะคล้ายเม่นสะบัดเข็มพิษนับพันเล่มไปรอบทิศทางอย่างคุ้มคลั่ง
อิสึรุเบี่ยงตัวหลบได้ทัน ทว่ายมทูตเกือบครึ่งโดนเข็มพิษทำให้ไม่อาจเคลื่อนไหวได้
ผิวกายเปลี่ยนเป็นสีม่วง ต่างร้องโหยหวนด้วยความทรมาน
หน่วยสามแตกกระเจิงเพราะไม่คาดว่าว่าฮอลโลว์สามารถปล่อยเข็มพิษจำนวนมากรอบทิศทาง
“ทีนี้จะเอายังไงดีครับ”
“โจมตีจากระยะไกลดูจะมีโอกาสมากที่สุด
แต่ในบรรดาพวกเราที่เหลือไม่มีใครสามารถโจมตีระยะไกลได้สักคน”
อิสึรุกัดริมฝีปากอยากเคร่งเครียด ถ้าหัวหน้าอยู่ที่นี่คงจัดการได้ไม่ยาก
ไม่ได้! จะมาหวังพึ่งหัวหน้าตลอดไม่ได้
“เอาอย่างนี้นะ
ฉันจะใช้วิถีมารหยุดการเคลื่อนไหวของมันชั่วคราว จากนั้นพวกนายก็โจมตีพร้อมกัน
ใส่ให้เต็มที่ไปเลย ต้องล้มมันในครั้งเดียวให้ได้”
“ครับ/ค่ะ”
ทุกคนตอบรับพร้อมกับ
“วิถีมารที่XX จงพันธนาการ” แสงสีขาวเรืองออกจากร่างของฮอลโลว์
นักสู้มีอันดับและยมทูตหน่วยสามพร้อมใจกันเข้าโจมตี แล้วทั้งหมดก็ต้องเบิ่งตาค้างด้วยความตกตะลึง
เมื่อพบว่าท่าไม้ตายของพวกเขาไม่สามารถสังหารฮอลโลว์ในครั้งเดียวได้
วิถีมารของอิสึรุคลายออกเมื่อถึงเวลา ฮอลโลว์พ่นเข็มพิษไปรอบทิศทาง
อิสึรุใช้วิถีมารป้องกันลูกน้องไว้ได้ ทว่าตัวเขาที่อยู่ด้านหน้าสุดไม่สามารถต้านแรงเข็มพิษที่พุ่งเข้าใส่โดยตรงได้
จึงโดนเข็มพิษปักเข้าใต้ไหปลาร้า อิสึรุใช้วิชาปฐมพยาบาลหยุดพิษไว้ชั่วคราว
ถึงเจ็บหนักก็ยังพยายามยืนหยัดต่อสู้เพื่อปกป้องคนอื่น
ทันใดนั้นงินก็ปรากฏตัวขึ้นบนหลังคาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ฮอลโลว์พองตัวเตียมพ่นเข็มพิษอีกครั้ง
ทว่างินใช้ดาบตัดร่างฮอลโลว์ออกเป็นหลายชิ้นอย่างง่ายดาย
“หะหัวหน้า”
อิสึรุเรียกอย่างโล่งอก ถ้าหัวหน้ามาก็คงไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว
จากนั้นร่างบางก็หมดสติไป
....................................................................................................
“ฟื้นแล้วเหรออิสึรุ”
ใบหน้าเสี้ยมเหมือนจิ้งจอกคือสิ่งแรกที่อิสึรุเห็นหลังจากฟื้นคืนสติ
งินมองลงมาด้วยความเป็นห่วง อิสึรุรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นจากมือของงินที่กุมมือเขาไว้
นี่หัวหน้าคอยดูแลฉันอย่างนั้นเหรอ...
ร่างบางพยายามยันตัวขึ้นนั่ง
แต่กลับถูกอีกฝ่ายกดไหล่ลงบนฟูกนอน
“นายยังไม่หายดี อย่าเพิ่งลุกขึ้นเลย”
“แต่ให้นอนคุยกับหัวหน้า
ผมรู้สึกแปลกๆ”
“อือ...งั้นเอาแบบนี้ละกัน”
งินสอดมือเข้าไปใต้ร่างอิสึรุประคองคนตัวเล็กกว่าขึ้นมาซบอก
มือทั้งสองข้างโอบกอดอิสึรุอย่างอ่อนโยน
ถูกกอดไม่ทันให้ตั้งตัวทำเอาชายหนุ่มผมทองถึงกับนั่งตัวเกร็ง
“ฉันเป็นห่วงนายแทบแย่
พอได้ยินประกาศว่าฮอลโลว์บุกหน่วยสามก็รีบรุดมาทันดี ฉันกลัวเหลือเกินว่าถ้ามาช้าอาจต้องสูญเสียนายไป”
งินกอดแน่นขึ้น
“หะหัวหน้า”
น้ำเสียงสั่นเครือและใบหน้าทุกข์ใจของงินทำให้อิสึรุรู้ว่าชายคนนี้พูดจากใจจริง นี่ฉันมีความสำคัญต่อหัวหน้าจริงๆเหรอ
“ฮอลโลว์สามตัวนั่นร้ายกาจมาก
ถ้าหัวหน้ามาไม่ทันสมาชิกหน่วยสามคงตายไปหลายคน
ผมรู้สึกละอายใจที่ตัวเองไร้ความสามารถ”
“ไม่
อิสึรุทำหน้าที่ได้ดีมากแล้ว ฮอลโลว์สองในสามถูกกำจัดภายใต้การบัญชาการของนาย
แผนการของนายทำให้สูญเสียน้อยกว่าที่ควรจะเป็นมาก อย่าโทษตัวเองเลย”
อิสึรุซุกหน้าบนแผ่นอกกว้าง
ถึงงินจะพูดอย่างนั้นเขาก็ยังอดรู้สึกผิดไม่ได้อยู่ดี
“หัวหน้าครับ...”
“อะไรเหรอ
เจ็บอยู่ไม่ควรพูดมากนะ”
“ตอนนี้พวกเราอยู่กันตามลำพัง
ผมขอถามบางอย่างได้มั้ยครับ”
งินเงียบไป
มีความลำบากใจบนสีหน้า เขาพอเดาได้ว่าคำถามคืออะไร “ว่ามาสิ”
“หัวหน้าคิดยังไงกับผมกันแน่ครับ...”
เสียงแผ่วเบาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเศร้า
หัวหน้าหน่วยสามเงียบไปนานราวกับไม่ได้ยินคำถาม
หัวใจของอิสึรุเต้นรัวด้วยความหวาดหวั่น ถึงกลัวคำตอบที่จะได้ยิน แต่เขาไม่อาจทนปล่อยเรื่องราวให้ค้างคาใจต่อไป
งินยังคงนั่งนิ่ง
มีเพียงมือซ้ายที่โอบเอวบางแน่นขึ้น
ในที่สุดชายหนุ่มผมทองก็ทนไม่ไหวเป็นฝ่ายโพล่งขึ้นก่อน
“ถึงไม่พูดอะไร
ความเงียบก็เป็นคำตอบในตัวเองอยู่แล้ว หัวหน้าชอบคุณรันงิคุสินะครับ
เรื่องคืนนั้นคงเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ” น้ำใสๆเอ่อคลอเบ้าตา
“ฉัน...รัก...อิสึรุ”
เสียงที่ลอดจากปากงินแม้แผ่วเบาทว่าหนักแน่น
ดวงตาสีฟ้าเบิกกว้าง
“ไม่ต้องโกหกเพื่อให้ผมสบายใจหรอกครับ หัวหน้ารู้สึกยังไงก็พูดมาตามตรงเถอะ
ถึงเรื่องคืนนั้นจะเป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ผมก็จะยอมรับและพยายามลืมมันซะ”
“ฉันรักอิสึรุ
นี่คือความรู้สึกจากใจฉัน” เรียวปากบางจูบลงบนผมสีทองอ่อนนุ่ม
“แล้วคุณมัตสึโมโตะล่ะครับ...”
“ฉันรักมัตสึโมโตะด้วยเช่นกัน”
หัวใจของอิสึรุเจ็บแปลบราวกับถูกมีดกรีด
“แล้วผมล่ะ...!?”
“ฉันรักทั้งสองคน...”
“หมายความว่ายังไง...”
“ฉันชอบรันงิคุมาตั้งแต่สมัยเด็กแล้ว
ทว่าเส้นทางชีวิตของเราสองคนไม่สามารถบรรจบกันได้
เพราะอย่างนั้นฉันจึงไม่เดินหน้าทั้งที่รู้ว่ารันงิคุเองก็ใจตรงกัน”
คุณจิ้งจอกเว้นช่วง มีแววเศร้าบนใบหน้า “ฉันไม่คู่ควรกับรันงิคุ
ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้รันงิคุได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดี ผู้ชายที่คอยอยู่เคียงข้าง
และไม่ทำให้เธอเสียใจ”
คิ้วเรียวขมวดจนแทบชนกัน
อิสึรุรู้สึกเจ็บปวดจนหายใจติดขัด
จะไม่ให้เจ็บได้อย่างไรเมื่อได้ยินงินสารภาพว่ารักรันงิคุจากปากเจ้าตัว
“เพราะแบบนี้หลังจากคืนนั้นหัวหน้าจึงทำเย็นชา
เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น...”
มือแกร่งเลื่อนไปกอบกุมมือเรียว
“ฉันตั้งใจว่าจะไม่รักใครอีก จะเปลี่ยนหัวใจให้เย็นชาเหมือนอสรพิษ
แต่เมื่อได้ใกล้ชิดกับอิสึรุที่น่ารักทั้งหน้าตาและนิสัย ฉันก็อดหวั่นไหวไม่ได้
ยิ่งได้ใกล้ชิดก็ยิ่งชอบนายมากขึ้นทุกที รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ควร
แต่ความใกล้ชิดทำให้ฉันหักห้ามใจไม่ได้”
“หะหัวหน้า...อิชิมารุ”
อิสึรุอยากจะถามออกไปตามตรงว่าระหว่างเขากับรันงิคุ ถ้าต้องเลือก งินจะเลือกใคร
ทว่าเขารักชายคนนี้มากจนกลัวว่าคำถามนั้นจะทำให้สูญเสียคนที่รักไป แค่หัวหน้าอิชิมารุรักฉันบ้างก็ดีแล้ว
แม้ด้วยใจเพียงครึ่งดวง...ฉันก็ควรพอใจ...
“หลังจากคืนนั้นฉันเอาแต่หลบหน้า
คงทำให้นายไม่สบายใจ ขอโทษนะ แต่ฉันเองก็สับสนว่าควรทำอย่างไรดี”
ร่างบางนิ่งเกร็ง รอฟังอย่างว้าวุ่น
“เกิดเรื่องลึกซึ้งระหว่างพวกเราขึ้นแล้ว
ให้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะอย่างนั้น
อิสึรุ...เป็นคนรักของฉันเถอะนะ...”
“ห๊ะ!?” เมื่อปากบางเผยอขึ้น งินก็โน้มตัวลงจูบอิสึรุทันที
มือเรียวกำเสื้อคลุมหัวหน้าหน่วยไว้แน่น ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
พอเริ่มตั้งตัวได้ก็จูบตอบด้วยความรัก ทั้งสองจูบกันเนิ่นนาน
อิสึรุหายใจหอบหลังเรียวปากถูกปล่อยเป็นอิสระ ใบหน้าเป็นสีแดงก่ำเหมือนผลมะเขือเทศ
เขาก้มหน้าลงยกมือปิดปากด้วยความเขินอาย
“ตอบตกลงแล้วใช่มั้ย”
คุณจิ้งจอกอมยิ้ม
“ผมชอบหัวหน้า แต่พวกเราเป็นผู้ชายเหมือนกัน...มันแปลกๆนะครับ”
“งั้นก็เก็บเป็นความลับสิ”
งินยิ้มกว้าง
อิสึรุอ้าปากกำลังจะพูดบางอย่าง
แต่ก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อน
“หัวหน้าอิชิมารุ
มีจดหมายจากหัวหน้าไอเซ็นครับ” ยมทูตที่นั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตูกล่าว
“ว๊า
ถูกขัดจังหวะจนได้”
“ปะไปเถอะครับ...ผมไม่เป็นอะไรแล้ว...”
ชายหนุ่มพูดตะกุกตะกัก ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ถูก ให้งินออกไปก่อนน่าจะดีกว่า
เขาจะได้ไม่เผลอทำเรื่องน่าขายหน้า
หัวหน้าหน่วยสามจำใจลุกขึ้น
เขาเปิดประตูออกไปรับจดหมายมาอ่านแล้วหันมาหาอิสึรุ
“หัวหน้าไอเซ็นทีเรื่องสำคัญอยากจะคุยด้วย ฉันต้องไปแล้วล่ะ
ถ้าไม่ติดงานสำคัญจะมาเยี่ยมอีกนะ ฉันให้อิสึรุลางานได้สามวัน
ระหว่างนั้นพักผ่อนให้มากๆล่ะ” เขายิ้มให้ก่อนเดินจากไป
...........................................................................................................
ยมทูตของหน่วยห้าเลื่อนประตูให้งิน
ไอเซ็นที่นั่งอยู่บนโซฟาเอี้ยวคอมามองพร้อมกับยิ้มให้
โทเซ็นหัวหน้าหน่วยแปดยืนกอดอกอยู่ด้านข้าง
“กว่าจะมาได้
ต้องให้ส่งจดหมายไปถึงสองครั้งเลยนะ” ไอเซ็นประชดหน้านิ่ง
“เกิดเรื่องใหญ่โตขนาดนั้นที่หน่วยสาม
ผมซึ่งเป็นหัวหน้าจะไม่อยู่สะสางได้ยังไงครับ” งินตอบเสียงเรียบ
มีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกระบายบนใบหน้าเหมือนปรกติ
“ก็จริงนะ”
ไอเซ็นเคาะนิ้วลงบนพนักโซฟา “ว่าแต่ทำไมตอนฮอลโลว์หลุดออกไปนายถึงมีท่าทีลุกลนนัก
อยู่ๆก็ผลุนผลันวิ่งออกไปจากห้องวิจัย”
“รีบไปทำลายหลักฐานให้สิ้นซากก่อนที่หน่วยสิบสองจะเก็บซากไปวิจัยยังไงล่ะครับ
ถ้าหน่วยอื่นรู้ว่าเป็นฮอลโลว์ที่พวกเราแอบทนลองล่ะแย่แน่”
งินกอดอกวางท่าราวกับตัวเองเป็นผู้มีพระคุณ
“ความจริงรีบกลับไปเพราะกลัวหน่วยสามถูกถล่มยับใช่มั้ยล่ะ”
โทเซ็นกล่าว
“แหมๆ
คุณโทเซ็นรู้ใจไปเสียทุกเรื่องราวกับเป็นผมซะเองแน่ะ
ยังไงหน่วยสามก็เป็นที่ซุกหัวนอนชั่วคราวของผม ถึงของบซ่อมแซมได้แต่ใช่ว่าจะได้ทั้งหมดซะที่ไหนล่ะครับ”
“เล่นทำลายซากซะไม่เหลือแม้แต่ฝุ่นแบบนั้น
หัวหน้าใหญ่ไม่สงสัยเอาเหรอ” ไอเซ็นถามแบบทองไม่รู้ร้อน
ทั้งที่ถ้าถูกจับได้ตัวเองคืนคนเดือดร้อนที่สุด
“เพราะตัวนึงมีพิษ
ก็เลยมีข้ออ้างกำจัดเพื่อความปลอดภัยน่ะครับ แผนเกือบแตกซะแล้ว” งินว่า
“เป็นเพราะพวกลูกน้องที่ดูแลห้องขังทำงานสะเพร่า”
โทเซ็นกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“อารมณ์เสียไปก็ไร้ประโยชน์
ไม่มีธุระอะไรแล้ว พวกนายไปทำงานต่อเถอะ” ไอเซ็นโบกมือเล็กน้อย
................................................................................................................
แสงแดดยามเย็นตกกระทบลงบนผมสีเงินฉาบไล้ให้เปลี่ยนเป็นสีทองชั่วคราว
งินเดินไปตามถนนในเขตของหน่วยสามช้าๆอย่างเหม่อลอย โชคดีที่คิดหาคำแก้ตัวไว้ล่วงหน้า
ถ้าไอเซ็นรู้ว่าฉันรีบกลับไปที่หน่วยสามเพื่อช่วยอิสึรุ
หมอนั่นต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องเดือดร้อนด้วยเป็นแน่ ที่ฉันไม่เดินหน้าความสัมพันธ์กับรันงิคุก็เพราะไม่ต้องการให้ยัยนั่นเดือดร้อน
กับอิสึรุเราก็ต้องปกป้องให้พ้นจากอันตรายเช่นกัน...
ดวงตาสีฟ้าเหม่อมองพระอาทิตย์ลับของฟ้าอย่างเศร้าสร้อย
เพื่อปกป้องคนส่วนใหญ่ จำเป็นจะต้องเสียสละ ที่จริงก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอก อยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับคนที่รัก
แต่ดันไปรู้เรื่องอันตรายเข้า ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจำใจต้องเข้าร่วมด้วย เพื่อปกป้องคนที่รักให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ความมืดโรยตัวลงปกคลุมโซลโซไซตี้
งินยกมือขึ้นกอดอกขณะพยายามตัดสินใจว่าถ้าคืนนี้ไปเยี่ยมอิสึรุจะเป็นการรบกวนหรือไม่
พลันสายตาเหลือบไปเห็นแสงไฟจากห้องหัวหน้าหน่วยเข้า
ประตูห้องหัวหน้าหน่วยสามถูกเลื่อนออก
งินยืนมองบุคคลที่นั่งอยู่ในห้องอย่างไม่ค่อยพอใจ
“กลับมาแล้วเหรอครับหัวหน้า”
อิสึรุทักทายพร้อมกับรอยยิ้ม เขานั่งอยู่ที่โต๊ะของรองหัวหน้าหน่วย มือขวาถือพู่กันเตรียมเซ็นเอกสาร
“ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้หยุดพักสามวัน”
ร่างสูงเดินมาหยุดยืนข้างร่างบาง
“ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้วล่ะครับ”
งินยื่นมือไปจับไหล่บาง
พร้อมโน้มตัวลงมองเอกสาร “ฉันจัดการแทนได้น่า เอกสารพวกนี้ไม่ถึงชั่วโมงก็เสร็จ”
“ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อยากเป็นสาเหตุให้หัวหน้ามีภาระมากขึ้น”
“อิสึรุคุงใส่ใจคนอื่นเสมอเลยนะ
น่ารักจริงเชียว แต่อย่าน่ารักแบบนี้กับทุกคนล่ะ เดี๋ยวฉันจะมีมารหัวใจมากจนจัดการไม่ไหว”
งินสอดมือเข้าไปในสาบเสื้อของอิสึรุช้าๆ ร่างบางกระตุกสั่น
“ทะทำอะไรครับ”
งินก้มลงกระซิบที่ใบหู
“พวกเราไม่ได้ใกล้ชิดกันนานแล้วนะ คิดถึงอิสึรุจัง” ว่าพลางก็ใช้มือปลดผ้าคาดเอว อีกมือหนึ่งก็หยอกล้อยอดอกอิสึรุไปแล้ว
“วะหวา!” อิสึรุผุดลุกขึ้น แต่ก่อนจะได้หนีไปไหน
ก็ถูกร่างสูงโอบไว้ในอ้อมแขน
“จะหนีไปไหนอิสึรุ”
“ตะตรงนี้ไม่ได้นะครับ”
ชายหนุ่มพูดตะกุกตะกัก
มือแกร่งแหวกชุดยมทูตออก ผิวขาวเนียนสะท้านวูบเพราะสายลมเย็นจากหน้าต่าง
“ไม่ต้องห่วงฉันใส่กลอนประตูแล้ว”
“ถึงอย่างนั้น...วะเหวอ!” ไม่ทันพูดจบร่างบางก็ถูกอุ้มขึ้นไปวางบนโซฟา
งินแตะนิ้วลงบนเรียวปากสีชมพูอ่อน
“ชู่วว อย่าส่งเสียงดังสิ เดี๋ยวคนอื่นได้ยินเข้าหรอก”
มือเรียวพยายามผลักแผ่นอกกว้าง
“ไม่ได้นะครับตรงนี้ เดี๋ยวเลอะเทอะ”
“ไม่เป็นไร
โซฟาหุ้มด้วยหนังไม่ใช่ผ้า ทำความสะอาดง่าย”
พูดพลางมือทั้งสองก็เปลื้องเสื้อผ้าจากร่าอิสึรุจนหมด
จากนั้นจึงเริ่มถอดเสื้อผ้าตัวเองบ้าง
ชายหนุ่มผมทองยกมือปิดหน้าด้วยความเขินอาย
ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า และงินก็ดูสนุกสนานกับการโลมเลียเขาด้วยสายตาเสียด้วยสิ
“ไม่ต้องห่วง
ฉันจะทำอย่างอ่อนโยน” งินโอบอิสึรุ หมุนตัวพลิกร่างบางให้ขึ้นมาอยู่บนร่างตัวเอง
“อยู่บนจะได้ไม่เจ็บ”
อิสึรุหน้าแดงก่ำทำอะไรไม่ถูก
“ไม่เป็นการเสียมารยาทเหรอครับ”
งินหัวเราะ
“ในสถานการณ์แบบนี้ยังจะคิดเรื่องนั้นอีกเหรอ”
มือแกร่งเลื่อนลงไปเค้นคลึงบั้นท้ายกลมกลึง จากนั้นก็สอดนิ้วเข้าไปเพื่อเปิดทาง
อิสึรุร้องเสียงหลงตอนถูกรุกไม่ทันตั้งตัว
พอเห็นคู่รักเริ่มมีอารมณ์ งินก็ใช้อาวุธคู่กายสอดใส่เข้าไป แล้วขยับช้าๆ
“อะ...อือ...หัวหน้า...”
ร่างกายของอิสึรุอ่อนระทวยจนต้องโน้มตัวลงพิงอกงิน เขาทำอะไรไม่ถูกจึงปล่อยให้งินควบคุมทั้งร่างกายและจิตใจ
“อิสึรุผิวเนียนสวยอย่างกับไข่มุกแน่ะ”
งินไล้มือผ่านแผ่นอกชุ่มเหงื่อไปหยิกยอดอกสีน้ำตาลอ่อนเบาๆ พอเครื่องเริ่มร้อนก็สอดใส่เป็นจังหวะรวดเร็วขึ้น
ร่างบางร้องครวญคราง
ลืมเสียสนิทว่าอาจมีใครผ่านมาได้ยิน จิกมือเรียวลงบนไหล่กว้างเพื่อระบายความเสียวซ่าน
งินกระแทกแรงและเร็วขึ้น พอได้ร่วมรักกับอิสึรุอีกครั้งจึงได้รู้ว่าเขาคลั่งไคล้ชายคนนี้มาก
ร่างบางโยกตัวขึ้นลงสอดรับการเคลื่อนไหวของงิน ทั้งสองเริงรำกันอย่างเร่าร้อน
อิสึรุกรีดร้องขณะปลดปล่อยไปพร้อมกัน
..........................................................................................
งินนำเสื้อคลุมประจำตำแหน่งมาคลุมร่างอิสึรุที่กำลังหลับพริ้ม
เขายิ้มอย่างอ่อนโยนทว่าแฝงรอยเศร้าอยู่ลึกๆ “ในวันหน้าฉันต้องทำให้นายเจ็บปวดอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
และรู้ดีว่าต้องถูกนายเกลียด อิสึรุ...จนกว่าวันนั้นจะมาถึง ฉันจะรักนายให้มาก
เพื่อเป็นการขอโทษล่วงหน้า”
..........................................................................................