ณ ที่ทำการหน่วยสาม
“ตั้งแต่วันนี้ไป
คิระ อิสึรุ จะมาเป็นรองหัวหน้าหน่วยสาม แทนอดีตรองหัวหน้าอิบะ
ชิคาเนะที่ตายไปเพราะเส้นมาม่าติดคอ ตายได้ทุเรศชะมัด” อิชิมารุ งิน
หัวหน้าหน่วยสามส่ายหน้าอย่างเอือมระอา “คิดว่าส่วนใหญ่น่าจะรู้จักรองหัวหน้าคิระกันแล้ว
ยังไงก็ขอให้ปฏิบัติกับเขาด้วยความเคารพ” งินเว้นช่วง
รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าเสี้ยม “ก็เขาเป็นตัวแทนฉันตอนไม่อยู่นี่นะ”
“ฝะฝากตัวด้วยนะครับ”
อิสึรุโค้งคำนับอย่างเก้ๆกังๆ
ต่อหน้าสมาชิกหน่วยสามทั้งหมดที่มารวมกันเพื่อฟังประกาศจากหัวหน้าหน่วย รู้สึกเขินที่ถูกสายตานับร้อยจับจ้อง
ร่องรอยแห่งความกังวลปรากฏบนใบหน้าของสมาชิกหน่วยสาม
ส่วนใหญ่ไม่ได้รังเกียจอิสึรุ พวกเขารู้จักชายคนนี้มาก่อน และรู้ว่าเขาเป็นคนนิสัยดีคนหนึ่ง
ทว่ารูปร่างผอมบางหน้าตาเศร้าซึมเหมือนคนป่วยทำให้รู้สึกว่าอิสึรุไม่น่าเก่งพอมารับตำแหน่งรองหัวหน้า
ที่สำคัญพวกเขาไม่เคยเห็นฝีมือการต่อสู้ของชายคนนี้มาก่อน
....................................................................................................
มือเรียววางกองเอกสารลงบนโต๊ะด้วยท่าทางอ่อนน้อม
กิริยามารยาทอันงดงามราวกับลูกผู้ดีจากตระกูลขุนนางชั้นสูง ที่ถูกอบรมอย่างดีทำให้งินต้องยิ้มด้วยความพอใจ
(ความจริงอิสึรุมาจากตระกูลขุนนางระดับล่าง)
“รายงานประจำอาทิตย์นี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
หัวหน้ามีงานอะไรจะให้ทำรึเปล่าครับ ถ้าไม่มีผมขอตัวนะครับ”
อิสึรุกล่าวด้วยท่าทางเกร็งๆ นี่ก็เข้าอาทิตย์ที่สองที่ย้ายมาหน่วยสามแล้ว
ถึงเขาจะเข้ากับสมาชิกหน่วยคนอื่นๆได้ แต่กับงินไม่ว่าจะพบกันกี่ครั้งก็ยังรู้สึกเครียดทุกครั้ง
ใบหน้าที่เหมือนจิ้งจองนั่น(แต่เจ้าตัวชอบเปรียบเปรยตัวเองกับงู)
ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็รู้สึกไม่สบายใจ ทั้งที่หัวหน้าอิชิมารุไม่ได้ทำอะไร
แต่ทำไมเรากลับรู้สึกว่าต้องระมัดระวังตัวตลอดเวลาเมื่ออยู่ใกล้ชายคนนี้ ทำไมกันนะ...
“ว้า
ว้า เพิ่งมาแท้ๆ จะไปแล้วเหรอ ไม่อยู่คุยกันหน่อยล่ะ”
“เอ่อ...คือ...”
ทั้งที่งินพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง อิสึรุกลับไม่รู้จะต่อบทสนทนาอย่างไร
ได้แต่ยืนนิ่งราวกับแท่งหิน
“คิระ
ไม่ชอบเข้าสังคมเหรอ ไม่สิ...ถ้าไม่ชอบเข้าสังคมก็คงไม่ไปดื่มกับคนอื่นๆหลังเลิกงาน”
ดวงตาเรียวยาวมองชายหนุ่มผมทองอย่างเพ่งพินิจ “เข้าใจล่ะ คงไม่อยากสนิทกับฉันสินะ”
“มะไม่ใช่นะครับ”
อิสึรุหลุบตาลง ไม่เข้าใจชายคนนี้เลย พูดเหมือนน้อยใจแต่กลับทำหน้าระรื่น พิลึก
“ถ้าไม่ใช่
งั้นคืนนี้ไปดื่มกับฉันมั้ยล่ะ” งินยิ้มกว้างจนเห็นฟัน
“คือเอ่อ...”
“ไม่ต้องบอกว่ามีนัด
ฉันรู้ว่านายไม่มีคนรัก”
“แต่ว่า...”
แค่คิดว่าต้องนั่งประจันหน้ากับงิน อิสึรุก็เครียดจนเส้นเลือดเต้นตุบๆแล้ว
“คงไม่ปฏิเสธสินะ”
งินแผ่รังสีออำมหิตทั้งรอยยิ้ม
อิสึรุทำหน้าแหย
ยอยยิ้มเย็นยะเยือกแบบนี้ เหมือนหัวหน้าอุโนะฮานะไม่มีผิด
ออกจากหน่วยสี่ก็ยังต้องมาเจอแบบนี้อีกเหรอเนี่ย...
...........................................................................
อิสึรุยกมือขึ้นแหวกผ้าที่ห้อยลงมาจากประตูร้านเหล้าให้งินเดินเข้าไป
จากนั้นก็ตามไปด้วยท่าทางหงอยๆ
“ดูเหมือนโต๊ะเต็มนะครับ
ไว้วันหลังดีมั้ยครับหัวหน้า” อิสึรุแสร้งหาเรื่องไม่ยอมดื่มด้วย
งินยิ้มกว้างอย่างขบขัน
“นายคิดว่าฉันจะยอมมาเสียเที่ยวงั้นเหรอ ฉันให้คนมาจองห้องไว้ล่วงหน้าแล้ว”
“เอ๋!? จองห้อง!?” แค่นั่งดื่มกับหัวหน้าสองต่อสองก็ว่าแย่แล้ว
นี่เล่นจองห้องพิเศษเลยเหรอ ห้องพิเศษมันส่วนตัวมากเลยนะ หัวหน้าคิดอะไรกันแน่
หรือว่ามีเรื่องจะอบรมเราก็เลยหาเรื่องอยู่ด้วยกันตามลำพัง โอ๊ยย ไม่น๊า!
“อย่าทำหน้าเครียดแบบนั้นสิ
ฉันแค่อยากทำความรู้จักนายให้มากขึ้นเท่านั้นเอง ไม่ได้จะตำหนิอะไรหรอก
อย่ากังวลล่วงหน้าสิ” งินโอบไหล่อิสึรุไปยังห้องพิเศษ
“หะหัวหน้ารู้ได้ยังไงครับ”
อิสึรุถามเสียงอ่อย
“ก็หน้านายฟ้องซะขนาดนั้น”
คุณจิ้งจอกยิ้มระรื่นที่ได้แกล้ง
งินนั่งขัดสมาธิลงบนเบาะด้วยท่าทางผ่อนคลาย
อิสึรุนั่งคุกเข่าบนเบาะไหล่ห่อมือกำแน่นบนหน้าตัก
พนักงานที่พาทั้งสองมายังห้องเดินออกไปแล้วเลื่อนประตูกระดาษปิดเข้าหากัน
ตอนนี้งินและอิสึรุอยู่ตามลำพังอย่างแท้จริงแล้ว เนื่องจากเป็นห้องพิเศษและอยู่ชั้นบน
เสียงอึกทึกภายนอกจึงไม่อาจเล็ดลอดเข้ามาได้
บรรยากาศเงียบฉี่ราวกับป่าช้าทำให้อิสึรุเครียดจนเหงื่อซึม งินเท้าศอกลงบนโต๊ะนั่งมองรองหัวหน้าหน่วยอย่างอารมณ์ดี
“ไม่สั่งอาหารหรือครับ...”
อิสึรุถามเพราะคิดว่าการพูดคุยคงลดความเครียดลงได้บ้าง
“สั่งไว้ร่วงหน้าแล้วล่ะ”
คุณจิ้งจอกยิ้ม “ไม่ต้องห่วงมีของที่นายชอบด้วย”
“เอ๋!?”
พนักงานในชุดกิโมโนเปิดประตูแล้วยกอาหารวางบนโต๊ะไม้ที่คั่นกลางระหว่างชายทั้งสอง
อิสึรุอ้าปากค้างเมื่อเห็นอาหารบนโต๊ะ เกิดครึ่งเป็นของที่เขาชอบ
“หัวหน้ารู้ได้ยังไงครับ”
งินหัวเราะหึหึแทนคำตอบ
“กินกันเถอะ” เขายกขวดเหล้ารินใส่ถ้วยของอิสึรุ
“ควรเป็นผมรินให้มากกว่านะครับ”
“อย่าเกรงใจเลยน่า
เอ้ากินสิ”
“คะครับ”
มือเรียวหยิบตะเกียบยื่นไปคีบซูชิ เขาพยายามบังคับมือไม่ให้สั่น
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจหลบสายตาช่วงสังเกตุของงินได้
“อะไรกัน
มาดื่มเหล้ากับฉันทำให้นายลำบากใจขนาดนี้เลยเหรอ” งินหุบยิ้ม สีหน้าจริงจัง
“ไหนบอกสิว่าเพราะอะไรนายถึงได้กลัวฉันนัก ยังไม่ทันทำอะไรสักหน่อย
จำได้ว่าฉันไม่เคยดุนายสักครั้ง รังเกียจฉันงั้นเหรอ” น้ำเสียงของงินแฝงความหงุดหงิด
“ไม่ใช่นะครับ”
อิสึรุโบกมือรัว “ผมแค่ไม่ชินที่อยู่ๆต้องมานั่งกินอาหารกับคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าสองต่อสอง
แถมยังต้องนั่งประจันหน้ากันอีก” อิสึรุพยายามตอบถนอมน้ำใจ
“อ๋อ
เกร็งเพราะต้องนั่งประจันหน้ากับฉัน งั้นเอาแบบนี้ละกัน” งินลุกพรวด
เดินมานั่งลงข้างคิระ “แบบนี้ก็ไม่ต้องเกร็งแล้ว ง่ายนิดเดียว”
ชายหนุ่มผมทองกระเถิบหนีด้วยความตกใจ
งินคว้าเอวบางมาแนบตัว ใช้มืออีกข้างยกจอกเหล้ามาจ่อที่ปากอิสึรุ “ดื่มสิ”
“วะเหวอออ”
พอริมฝีปากอ้าปุ๊บ จอกเหล้าก็จ่อเข้าที่ปากบางทันที งินหัวเราะอย่างพอใจ
เขาคีบซูชิใส่ปากอิสึรุต่อทันที
อิสึรุไม่รู้จะทำอย่างไร
เขาเป็นคนขี้เกรงใจเป็นทุนเดิม จึงยอมให้งินป้อนเหล้ากับอาหารอย่างว่าง่าย
พอเหล้าเข้าปากหลายจอกเข้า
สติของอิสึรุก็เริ่มพร่าเรือน เขาชักรู้สึกสนุกไปกับงิน
นอกจากยอมให้ฝ่ายนั้นป้อนอาหารให้แต่โดยดีเขายังป้อนอาหารให้งินด้วย ลืมไปเสียสนิทว่าคนที่อยู่ข้างๆเป็นหัวหน้า
“นายน่ะตอนปรกติกับตอนเมาคนละเรื่องกันเลยนะ”
งินยกมือขึ้นเขี่ยแก้มเนียนที่เวลานี้เป็นสีแดงระเรื่ออย่างหยอกล้อ
ร่างบางสอดมือเข้าไปกอดแขนงิน
จากนั้นก็ซบหน้าลงบนบ่า “นี่ นี่
หัวหน้ารู้รึเปล่าว่าทำไมผมถึงรู้สึกเครียดเวลาอยู่กับคุณ”
“ถ้านายไม่บอกฉันไม่รู้หรอก”
งินไม่ได้ถือสาท่าทีตอนเมาของอิสึรุ
ตรงข้ามกลับคิดว่าท่าทางออดอ้อนของรองหัวหน้าน่ารักมาก
อิสึรุเงยหน้าขึ้นช้อนตามอง
“หัวหน้าน่ะหน้าตาเจ้าเล่ห์ดูยังไงก็ไม่น่าไว้วางใจ
ยิ้มหน้าระรื่นอยู่ได้ทั้งๆที่ไม่มีอะไรน่ายิ้มสักนิด”
ร่างบางยันตัวขึ้นใช้มือทั้งสองข้างหยิกแก้มงิน “ความจริงนี่คือหน้ากากใช้มั้ย
คนที่ไหนจะยิ้มตลอดเวลา ต้องเป็นหน้ากากแน่ๆเลย ฮ่า ฮ่า”
“อ๋อ
เหรอ” งินปัดมืออิสึรุออก กดไหล่บางลงบนพื้นไม่ให้ซุกซน “แล้วยังไงอีกล่ะ”
“ท่านน่ะชอบทำตัวลับๆล่อๆแล้วก็...” อยู่ๆอิสึรุก็เงียบไป
แล้วส่งสายตาหวานเยิ้มให้ร่างสูงที่คร่อมอยู่
“สายตานั่นหมายความว่าไงหือ?”
“จูบข้า...”
ร่างบางเผยอปากขึ้น ส่งสายตาโปรยเสน่ห์สุดฤทธิ์เพราะความเมา
“ห๊า!?” งินถลึงตาอย่างตกใจสุดขีด “ข้าเป็นผู้ชายนะ
นายเมาจนแยกเพศไม่ออกแล้วรึ” เขาประคองร่างบางขึ้นบ่า “ข้าจะไปส่งที่พัก”
แล้วงินก็ต้องขนลุกซู่เมื่อมือเรียวล้วงเข้าไปในเสื้อ
สัมผัสแผ่นอกล่ำ อิสึรุยื่นใบหน้าหล่อเหลาที่ออกไปทางหวานเข้าใกล้ใบหน้าเสี้ยม มืออีกข้างก็โน้มคองินให้ก้มลง
งินชักเริ่มเคลิบเคลิ้มไปกับท่าทางออดอ้อน พอมองอิสึรุให้ดี
เขาพบว่าชายหนุ่มคนนี้มีใบหน้าน่ารักมาก
น่ารักเสียจนรู้สึกหวั่นไหวทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน
ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันมากจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจ แต่ก่อนที่ปากของทั้งสองจะประกบกัน
งินก็ผลักร่างบางออกก่อน ข้าไม่ควรฉวยโอกาสจูบคนเมาไม่ได้สติ
....................................................................
เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วปลุกสติสัมปชัญญะให้ตื่นขึ้น เปลือกตาเปิดช้าๆอย่างสะลึมสะลือ
อิสึรุยันตัวลุกขึ้นรู้ ยกมือกุมขมับที่ยังมึนงงเพราะฤทธิ์เหล้า เขามองไปรอบๆห้อง
ตาสีฟ้าเบิกกว้างอย่างตกใจ ที่นี่ไม่ใช่ห้องของเขา
“ถ้าอย่างนั้นนี่ห้องใคร!?”
ประตูกระดาษถูกเลื่อนออก
งินปรากฎตัวขึ้น เขาเดินเข้ามาพร้อมกับถาดอาหารในมือ
“หรือว่าที่นี่คือห้องของหัวหน้า...”
“อือ”
ร่างสูงย่อตัวลงวางถาดอาหารลงข้างฟูกนอน ส่งยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี
อิสึรุหน้าร้อนผ่าวด้วยความอาย
จำได้ว่าเมื่อคืนฉันไปดื่มกับหัวหน้า จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย
“ทะทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ” เขาก้มลงมองยูคาตะสีขาวลายกิ่งไผ่ที่สวมอยู่ “ชุดนี่...”
“เมื่อคืนนายเมาไม่ได้สติ
ฉันก็เลยพามาที่นี่ก่อน ฉันไม่รู้ว่าห้องนายอยู่ไหนน่ะ ส่วนนั่น ชุดฉันเองแหละ”
ได้ยินดังนั้นอิสึรุยิ่งหน้าแดงหนักกว่าเดิม
“ใครเป็นคนเปลี่ยนให้เหรอครับ...”
“ฉันไง
นอกจากนั้นยังเช็ดตัวให้ด้วย” งินยิ้มกว้าง
“วะหวา
แย่จริง ผมทำเรื่องเสียมารยาทขนาดนั้นเลยเหรอครับ ช่างน่าละอายจริงๆ” ชายหนุ่มแทบอยากมุดหัวหายตัวไปในร่องของเสื่อสาน
งินยื่นมือไปตบไหล่อิสึรุ “ฮ่า ฮ่าอย่าคิดมากเลยน่า
เป็นหน้าที่ของหัวหน้าต้องดูแลลูกน้องไม่ใช่เหรอ”
“แต่ว่า...ผมก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี
เมื่อคืนผมทำเรื่องเสียมารยาทอะไรไปรึเปล่าครับ”
“ไม่เลย
นายก็แค่พูดสิ่งที่คิดออกมาทุกอย่าง เช่นฉันหน้าเหมือนจิ้งจอกมั่งล่ะ
ดูไม่น่าไว้วางใจมั่งล่ะ ยิ้มอยู่ได้ทั้งที่ไม่มีอะไรน่ายิ้ม แถมยังหยิกแก้มฉันแล้วหาว่าไม่ใช่หน้าจริงก็แค่นั้นเอง
ไม่ได้ทำอะไรเสียมารยาทสักนิด” งินพูดหน้าระรื่น
“ง๊ะ!” นี่ฉันพูดสิ่งที่คิดไปหมดเลยเหรอ
ตายล่ะต้องถูกหัวหน้าอิชิมารุเกลียดเข้าให้แน่เลย อิสึรุหน้าถอดสี
อยากวิ่งหนีไปให้พ้นๆ
“นอกจากนั้นนายยังขอให้ฉัน...”
คุณจิ้งจอกชะงัก เมื่อคิดได้ว่าเก็บเรื่องจูบเป็นความลับน่าจะดีกว่า
“ผมขอให้หัวหน้าทำอะไรเหรอครับ”
“ไม่มีอะไรหรอก”
งินโบกมือช้าๆ
“เป็นเรื่องเสียมารยาทมากใช่มั้ยครับ”
อิสึรุถามหน้าจ๋อย
“ไม่เชิงหรอก
เป็นเรื่องที่ทำให้ตกใจมากกว่า” หัวหน้าหน่วยสามยื่นมือไปเขี่ยแก้มลูกน้อง “นี่
ต่อจากนี้ไปให้ฉันเรียกนายว่าอิสึรุได้มั้ย”
“เอ๋...”
“ไม่ปฏิเสธแปลว่าตกลงแล้วนะ”
พูดเองเออเองซะงั้น
อิสึรุคิดในใจ
“วันนี้ฉันให้นายเข้าสายได้
แค่จัดการเอกสารให้เสร็จตามเวลาที่กำหนดก็พอ อย่างอิสึรุคงทำได้สบายอยู่แล้ว
จริงมั้ย” งินเลื่อนมือขึ้นไปลูบผมสีทองอ่อนนุ่ม
ถึงเป็นหัวหน้าแต่อิสึรุอดคิดไม่ได้ว่าชายคนนี้ถือวิสาสะเกินไป
“ฉันต้องไปที่หน่วยแล้วล่ะ”
ร่างสูงลุกขึ้น ก่อนเปิดประตู เขาเอี้ยวคอมามองรองหัวหน้าหน่วย
“กินอาหารที่ฉันเอามาให้ซะล่ะ อิสึรุคุง”
“ครับ”
อิสึรุตอบเสียงแผ่ว เขาดูไม่ออกจริงๆว่างินคิดอะไรอยู่ ตกลงหัวหน้าโกรธหรือไม่โกรธเรื่องที่ฉันพูดเมื่อคืนนะ
คนๆนี้อยู่ด้วยยากจริงๆ
.................................................................................................
อิสึรุนั่งดื่มชาที่ระเบียงชั้นสองของที่ทำการหน่วยสาม
ตอนนี้เป็นช่วงพักกลางวัน เขาจัดการเอกสารเสร็จหมดแล้วจึงพักผ่อนอย่างสบายใจ
ข้างๆเขาแมวน้อยสีขาวผ่องนอนกลิ้งไปมาใต้แสงแดดอุ่น แมวน้อยตัวนี้ไม่ได้เป็นของสมาชิกหน่วยคนไหน
แต่เมื่อไหร่ที่แวะมางินมักจะให้อาหารมันเสมอ จนเหมือนเป็นแมวของงินไปแล้ว
อิสึรุยื่นมือไปเกาคางแมวน้อย
“รู้ตัวรึเปล่าแกน่ะดูคล้ายหัวหน้าอิชิมารุมากเลยนะ
สีขาวทั้งตัว ยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนกันอีกต่างหาก” แมวน้อยร้องเหมียวราวกับจะบอกว่าใช่
ฉันเหมือนงิน คิระเงยหน้ามองท้องฟ้าสีคราม วันนี้อากาศสดใสมีเมฆไม่มาก
เหมือนจิตใจของเขา นี่ก็ย่างเข้าเดือนที่ห้าที่มาอยู่หน่วยสามแล้ว
ความสัมพันธ์ของเขากับงินนับวันยิ่งดีขึ้น
ตอนแรกอิสึรุคิดว่างินเป็นคนไม่น่าไว้วางใจ ทำตัวลึกลับดูไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่
แต่พอทำงานด้วยกันนานๆจึงพบว่างินเป็นคนที่มีความสามารถมาก
นอกจากเก่งเรื่องต่อสู้ยังจัดการงานเอกสารได้ดีเยี่ยม
ที่อิสึรุรู้เพราะมีช่วงหนึ่งเขาได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับฮอลโล
งินต้องทำงานเอกสารในส่วนของเขา ซึ่งงินสามารถจัดการได้เรียบร้อยในเวลาน้อยกว่าเขาเกือบครึ่ง
เรียกว่าเป็นคนที่เก่งรอบด้าน
“หัวหน้าสมกับเป็นอัจฉริยะ
ตอนอยู่โรงเรียนยมทูตก็ได้คะแนนอันดับหนึ่งตลอด
แถมได้เข้าสิบสามหน่วยพิทักษ์ตั้งแต่ยังเด็กอยู่เลย”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างชื่นชม
ช่วงสี่เดือนที่ผ่านมาถ้าอิสึรุไม่ติดงานด่วน
งินมักพารองหัวหน้าผู้มีนิสัยขี้อายไปทำภารกิจด้วยเสมอ
เรียกว่าอยากให้อยู่ใกล้ตัวตลอด อิสึรุอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมงินถึงโปรดปรานเขานัก
จากที่ถามสมาชิกหน่วยคนอื่น
งินไม่ได้ให้อดีรองหัวหน้าติดสอยห้อยตามไปไหนมาไหนด้วยแบบเขา
แต่เรื่องนั้นอย่าไปคิดให้ปวดหัวเลย เพราะเขาเองก็ชอบหัวหน้าอิชิมารุมากขึ้นทุกวัน
แม้มีรอยยิ้มไม่น่าไว้วางใจ แต่คุณจิ้งจอกก็ดีกับเขามาก
บางทีก็ซื้อขนมมาฝากทำอย่างกับเขาเป็นเด็กๆ
“ชาหมดรึยังน่ะ
มีเหลือให้ฉันบ้างมั้ย”
อิสึรุหันไปมองเจ้าของเสียงร่าเริงซึ่งแฝงการหยอกล้อเกือบตลอดเวลา
“เดี๋ยวผมไปชงให้ใหม่นะครับ”
“ไม่ต้องหรอก
ฉันแค่ทักทาย เอกสารที่ต้องนำไปให้หน่วยสิบพร้อมรึยัง”
“พร้อมแล้วครับ”
อิสึรุผุดลุกขึ้น หยิบซองเอกสารสีน้ำตาลจากตู้ส่งให้หัวหน้า
งินหยิบเอกสารออกมาดูผ่านๆ
“ขอบใจนะ สมบูรณ์แบบสมกับเป็นอิสึรุ”
“มะไม่หรอกครับ”
อิสึรุถ่อมตัว
งินมองรองหัวหน้าหน่วยอย่างเป็นห่วง
“อิสึรุคุงออกจะเก่ง ทำไมถึงชอบถล่มตนอยู่เรื่อย มั่นใจในตัวเองมากกว่านี้หน่อยสิ”
“อ๊ะ
ผมไม่เก่งหรอกครับ” ชายหนุ่มผมทองถูมือเข้าหากันอย่างประหม่า
คุณจิ้งจอกยกมือขึ้นเกาหัว
“ไม่เข้าใจนายเลย ทั้งที่ทำงานเอกสารได้ดีเยี่ยม ต่อสู้ก็เก่ง ทั้งที่ใช้แค่ปลดปล่อยขั้นต้นก็สามารถปราบฮอลโลว์ระดับสูงได้
แต่ทำไมถึงชอบคิดว่าตัวเองไม่เก่ง” ร่างสูงยื่นมือไปลูบผมสีทอง
ยื่นหน้าเข้าไปใกล้มองอีกฝ่ายอย่างจริงจัง “เพราะหัวหน้าอุโนะฮานะคิดว่าอิสึรุมีความสามารถจึงได้สนับสนุนให้เป็นรองหัวหน้าหน่วย
ฉันเองก็ทำงานง่ายขึ้นมากเมื่อมีนายเป็นลูกน้อง
เพราะฉะนั้นต่อไปนี้เวลาถูกใครชมก็ไม่ต้องปฏิเสธนะ ที่คนอื่นชมเพราะเขาคิดแบบนั้น
แค่กล่าวขอบคุณก็พอ”
อิสึรุนิ่งเงียบ
เอาแต่ก้มหน้า
“เข้าใจนะ”
งินพูดเหมือนถาม แต่ความจริงแล้วคือคำสั่ง
“ครับ”
งินปล่อยมือ
“ฉันจะไปหน่วยสิบ ไปด้วยกันมั้ย”
“คะครับ”
.......................................................................................................................
.......................................................................................................................
อิสึรุเดินตามหลังงินเงียบๆ
เมื่อไม่กี่วันมานี้รองหัวหน้าหน่วยสิบปฏิบัติภารกิจปราบฮอลโลว์ที่โลกมนุษย์ แต่เนื่องจากมีฮอลโลว์จำนวนมากจนรับมือไม่ไหวจึงขอความช่วยเหลือจากยมฑูทเขตใกล้เคียงซึ่งเป็นยมทูตของหน่วยสาม
ทั้งสองหน่วยจึงต้องเขียนรายงานร่วมกัน
ยมทูตหน่วยสิบเมื่อเห็นหัวหน้าหน่วยสามเดินมาต่างก็โค้งให้
งินโบกมือทักทายด้วยท่าทางสบายๆ อิสึรุเดินตามหัวหน้าของเขาไปอีกไม่กี่ก้าว งินก็หยุดกระทันหัทำให้เขาเกือบชนแผ่นหลังกว้าง
“รันงิคุ”
งินโบกมือให้หญิงสาวผมสีน้ำตาลส้มผู้มีหน้าอกหน้าใจใหญ่โตจนถูกตั้งฉายาว่าหนองโพ
รันงิคุหันมามองงินอย่างประหลาดใจ
ที่ต้นคอของเธอมีผ้าพันแผลปิดอยู่ “อ้าวงิน นายมาทำอะไรที่นี่น่ะ”
“เอารายงานมาให้
เรื่องเธอกับยมทูตหน่วยสามนั่นแหละ”
“ระดับหัวหน้าหน่วยไม่เห็นต้องมาเองก็ได้นี่”
รันงิคุว่า
“ฉันอยากมาเยี่ยมเธอน่ะ”
งินยิ้ม อิสึรุรู้สึกได้ถึงความอ่อนโยน
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นงินแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา
แก้มของรันงิคุเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ
“พะพูดอะไรกัน”
“เอ้า
อิสึรุ เอาเอกสารไปให้หัวหน้าฮิสึกายะแทนฉันหน่อยสิ”
ร่างสูงยัดซองเอกสารใส่มือของร่างบาง
“เอ๋!? ไม่ไปพบหัวหน้าฮิสึกายะเหรอครับ”
“ไม่ล่ะ
ฉันไม่มีธุระกับเด็กคนนั้น ให้แล้วจะกลับไปก่อนก็ได้นะ”
กล่าวจบงินก็หันไปคุยกับรันงิคุ สร้างโลกส่วนตัวขึ้นสองคนราวกับไม่มีใครอื่นอยู่รอบๆ
อิสึรุเดินไปที่ห้องของหัวหน้าหน่วยสามตามคำสั่ง
ทว่าในใจกลับรู้สึกหงุดหงิดอยู่ลึกๆ พอเจอสาวสวยเข้าหน่อยก็ไล่กันเลยนะ
หัวหน้าบ้าที่สุด ชายหนุ่มไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องรู้สึกน้อยใจด้วย
ทำไมถึงอยากให้งินให้ความสำคัญกับตัวเองมากกว่าใคร ทำไมถึงต้องการความรักความใส่ใจจากคนๆนี้มากนัก
อิสึรุชักรู้สึกว่าตัวเองติดงินมากเกินไปแล้ว ตั้งแต่มาเป็นรองหัวหน้าหน่วยสาม
เขาสังสรรค์กับเพื่อนน้อยลงมาก
หลังจากมอบเอกสารให้หัวหน้าฮิสึกายะอิสึรุตั้งใจเดินไปยังบริเวณที่เขาแยกจากงินเพื่อดูว่าหัวหน้าของเขาคุยจบแล้วหรือยัง
และจะกลับหน่วยสามด้วยกันหรือไม่ เขาต้องแปลกใจเมื่อเห็นฮิซากิ ชูเฮย์ยืนลับๆล่ออยู่หลังกำแพง
เหมือนกำลังแอบมองอะไรบางอย่างอยู่ ถึงชูเฮย์จะเป็นรุ่นพี่แต่ก็ค่อนข้างสนิทกัน
อิสึรุจึงเข้าไปทักทาย ร่างสูงสะดุ้งโหยงเมื่อถูกมือเรียวแตะเข้าที่แผ่นหลัง
“เฮ๊ย!! คิระ อย่าทำให้ตกใจสิ”
“นี่คุณฮิซากิไม่รู้ตัวจริงๆเหรอครับ
สงสัยจะตั้งใจแอบดูมาก ว่าแต่ดูอะไรอยู่เหรอครับ”
อิสึรุหันไปทางที่ชูเฮย์มองเมื่อสักครู่
“มะไม่มีอะไร!” ชูเฮย์กระชากหลังเสื้ออิสึรุ แต่ไม่ทันเสียแล้ว
“นั่นคุณมัตสึโมโตะกับหัวหน้า...”
“กะก็ใช่น่ะสิ”
ชูเฮย์หน้าแดง
“แล้วทำไมคุณฮิซากิถึง...”
อิสึรุเว้นช่วง ยกมือขึ้นลูบคางอย่างนึกได้
“ลืมไปว่าคุณฮิซากิแอบชอบคุณมัตสึโมโตะ”
“ไม่ต้องย้ำจะได้มั้ย”
ชูเฮย์แค่นเสียง แต่อิสึรุไม่สนใจ
เขามองไปที่งินกับรันงิคุที่กำลังคุยกันอย่างออกรสและไม่มีทีท่าจะจบง่ายๆ
ทั้งสองยืนใกล้กันมากจนหนองโพของรันงิคุจะโดนแขนงินอยู่แล้ว
“ทั้งสองคนสนิทกันจังเลยนะ”
อิสึรุเปรยขึ้นเหมือนพูดกับตัวเอง
“ก็แน่ล่ะสองคนนั้นเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็ก
และดูเหมือนจะชอบกันด้วย”
“เอ๋!?” อิสึรุทำหน้าตกใจสุดขีด
“หัวหน้าอิชิมารุกับคุณมัตสึโมโตะคบกันอยู่เหรอ”
“เปล่า”
ชูเฮย์ส่ายหน้า “ดูเหมือนชอบกันอยู่ แต่หัวหน้าอิชิมารุไม่ยอมรุกสักที
ก็เลยยังไม่ได้คบกัน”
“ทำไมล่ะ
ก็ใจตรงกันไม่ใช่เหรอครับ” ชายหนุ่มผมทองถาม
“เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอก
หัวหน้าอิชิมารุเข้าใจยากจะตาย นายอยู่กับเขาน่าจะรู้ดี”
“จริงของคุณ
ผมคิดว่าหัวหน้าอิชิมารุเป็นหัวหน้าที่ดี แต่ไม่เข้าใจอะไรเขาสักนิด”
อิสึรุหลุบตามองพื้น
“ทำไมต้องทำหน้าเศร้าด้วยล่ะ”
ชูเฮย์ถามอย่างเป็นห่วง “มีเรื่องไม่สบายใจเหรอ”
“เปล่าครับ
แค่คิดว่าการรักข้างเดียวมันเศร้าจัง”
เส้นเลือดปูดที่ขมับของชูเฮย์
“ไม่ต้องมาเวทนาฉันเลยนะ นายไม่รู้หรอกว่าฉันรู้สึกยังไง”
“อ๊ะ
ขอโทษครับ ผะผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“ฮึ่ยย”
ชูเฮย์อ้าป้าเหมือนจะพูดบางอย่าง แต่สุดท้ายก็แค่ตอบว่า “ช่างเถอะ” แล้วเดินหนีไปเลย
...............................................................................................
หลังจากวันที่ไปหน่วยสิบ
ได้เห็นงินกับรันงิคุคุยกันอย่างสนิทสนม
พร้อมกับทราบจากชูเฮย์ว่าทั้งสองชอบกันอยู่ อิสึรุก็รู้สึกเศร้าอย่างไม่มีเหตุผล
อันที่จริงเหตุผลนั้นมีอยู่แต่เขาไม่รู้ว่าคืออะไร รู้แค่ว่าควรรักษาระยะห่างระหว่างตัวเขากับงินให้มากขึ้น
ก่อนจะมาเป็นลูกน้องของหัวหน้าอิชิมารุ ฉันก็อยู่คนเดียวได้
ถึงไม่ได้รับความใส่ใจจากคนๆนั้นก็ไม่เห็นเป็นไรเลย...
“กลับมาแล้ว”
หัวหน้าหน่วยสามเลื่อนประตูเข้ามาพร้อมกับทักทายด้วยรอยยิ้มเหมือนจิ้งจอก
“ยินดีต้อนรับกลับครับ”
อิสึรุตอบเสียงเรียบตามมารยาท
ร่างสูงเดินตรงมานั่งลงที่ขอบโต๊ะของคิระ
“เป็นอะไรไป หมู่นี้ดูไม่ค่อยร่าเริงเลย”
“ไม่มีอะไรนี่ครับ”
อิสึรุก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสาร ให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาไม่อยากคุยด้วย
“ไม่เอาหน้า
ท่าทางซึมๆแบบนั้นต้องมีอะไรในใจแน่”
อิสึรุเงยหน้ามองงินแวบหนึ่งแล้วก้มหน้าลงเซ็นเอกสารต่อ
“หัวหน้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจหรอกครับ” นี่เรางอนบ้าบออะไรอยู่
“หรือว่าเรื่องไม่สบายใจของนายเกี่ยวกับฉัน
เพราะถ้าไม่ใช่อิสึรุผู้หัวอ่อนคงเล่าให้ฟังแล้ว”
อิสุรุกลืนน้ำลายฝืดคอ
ทำไมหัวหน้าถึงรู้ไปหมดทุกอย่างนะ
“เป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆด้วย” งินมองอิสึรุอย่างพิจารณา ชายหนุ่มผมทองได้แต่นั่งนิ่ง
“หัวหน้ามีงานอะไรจะให้ผมทำเหรอครับ”
รองหัวหน้าหน่วยถามเปลี่ยนเรื่อง
“อ้อ
เกือบลืม คือว่างบประมาณประจำปีของหน่วยสามเหลือ
ก็เลยอยากให้รางวัลสมาชิกหน่วยสามด้วยการพาไปเที่ยวพักผ่อน
ส่วนใหญ่บอกว่าอยากไปออนเซ็น (สถานที่แช่น้ำแร่แบบญี่ปุ่น) อิสึรุก็ไปด้วยกันสิ
ไปให้หมดทุกคนนั่นแหละ”
“เอ๋
ทำไมผมเพิ่งรู้ล่ะ”
“ฉันตั้งใจจะปรึกษานายเป็นคนแรก
แต่หมู่นี้นายเอาแต่หลบหน้าฉันอยู่เรื่อย”
“มะไม่ใช่นะครับ”
“รายละเอียดอยู่ในใบปลิวนี้
รีบเตรียมตัวซะล่ะ จะไปวันศุกร์นี้แล้ว” งินจับใบปลิวยัดใส่มือเรียว อิสึรุได้แต่มองแบบอึ้งๆ
ไม่ค่อยพอใจที่ถูกยัดเยียด แต่ไม่คิดจะปฏิเสธ ความจริงเขาเองก็อยากไป
.......................................................................................
มือเรียวยกมือขึ้นปาดเหงื่อ
อิสึรุเพิ่งรักษาสมาชิกหน่วยสามสองคนที่เกิดอาการอาหารเป็นพิษเนื่องจากทานอาหารทะเล
อุตส่าห์ได้มาออนเซ็นคิดว่าจะได้พักผ่อนให้เต็มที่
แต่สุดท้ายก็ต้องคอยดูแลสมาชิกหน่วย เฮ่อออ
“รู้สึกดีขึ้นรึยัง”
อิสึรุถามสมาชิกหน่วยสามที่นอนอยู่บนเตียงในห้องปฐมพยาบาลของโรงแรม
“ดะดีขึ้นแล้วค่ะ
ขอบคุณที่ช่วยนะ...คะ อาเจียนไปตั้งสามครั้งแล้ว...”
“จริงๆเลยนะคุณยามาโมริ
คุณน่ะน่าจะจำไว้ว่าอะไรที่ตัวเองกินไม่ได้” อิสึรุตักเตือนอย่างเป็นห่วง
“โชคดีจริงๆที่มีรองหัวหน้าคิระอยู่ด้วย
คุณคงเป็นคนเดียวในหน่วยสามที่มีความสามารถในการรักษา” โคยาม่ากล่าวชม
“อาหารทะเลถูกหั่นแล้วดูไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไรน่ะค่ะ”
ยามาโมริพูดเสียงอ่อยอย่างรู้สึกผิด
“งั้นคราวหน้าถ้าหน่วยสามจะไปเที่ยวที่ไหนอีก
ผมจะให้ทางโรงแรมส่งรายการอาหารมาให้ดูก่อนละกัน
ถ้าทุกคนอาการดีขึ้นแล้วผมขอตัวล่ะ” อิสึรุลุกขึ้น
“ขอบคุณครับ/ค่ะ”
อิสึรุพยักหน้าเล็กน้อยขณะเดินออกไปเงียบๆ
ร่างบางเดินไปที่ห้องพักรวมของผู้ชาย
(ที่ต้องนอนห้องพักรวมเพื่อให้ไม่เงินงบประมาณ)
เขาหยิบอุปกรณ์อาบน้ำเดินไปที่บ่อน้ำแร่ หลังจากคอยจัดการนู่นนี่และรักษาสมาชิกสองคนที่ไม่สบาย
ตอนนี้จะได้มีเวลาเป็นของตัวเองสักที จะแช่น้ำแน่นานๆให้สะใจไปเลย เขาคิดในใจ
คิ้วบางเลิกขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อมองเข้าไปในออนเซ็น
มันถูกออกแบบให้ไม่มีหลังคา เห็นท้องฟ้าสีม่วงเข้มยามใกล้ค่ำ
อิสึรุมองสำรวจทุกทิศทางว่ามีมุมใดที่มีคนมองมาได้หรือไม่
ออนเซ็นอยู่บนเชิงเขาสูงกว่าหมู่บ้านที่อยู่ข้างล่าง และไม่มีตึกสูงกว่า
จึงไม่มีใครแอบดูได้
“ทางโรงแรมคงอยากให้ลูกค้าได้ดูท้องฟ้าตอนกลางวันและชมดาวตอนกลางคืนสินะ”
อิสึรุพูดกับตัวเอง
มีรั้วไม้ไผ่สองชั้นกันระหว่างฝั่งผู้ชายกับฝั่งผู้หญิง
อิสึรุได้ยินเสียงยมทูตหญิงแผ่วเบา ท่าทางอารมณ์ดีกันมาก
ถึงห้องพักจะแย่ไปนิดตรงที่ต้องพักรวมกันหลายคน แต่ออนเซ็นทำออกมาได้ดีมาก
ดูกลมกลืนกับธรรมชาติ
“ไม่มีใครอยู่เลยเหรอเนี่ย”
อิสึรุมองไปยังบรรยากาศวังเวงรอบๆ “สงสัยแช่น้ำกันหมดแล้วระหว่างที่ฉันรักษาให้สองคนนั่น
ช่างเถอะ วันนี้แช่น้ำแร่คนเดียวก็ได้ สงบดีไปอย่าง”
ร่างบางปลดผ้าคาดเอวเปลื้องชุดยูคาตะออก พับเก็บไว้บนชั้นวางของ
จากนั้นก็ไปยังโซนอาบน้ำ (ต้องอาบน้ำสระผมให้สะอาดก่อนลงแช่น้ำ)
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าย่ำน้ำเดินเข้ามาใกล้ คงเป็นสมาชิกหน่วยสามล่ะมั้ง
อิสึรุไม่สนใจ เทสบู่เหลวใส่ฟองน้ำแล้วเริ่มถูกตัว
“ให้ฉันถูหลังให้มั้ย”
ร่างบางสะดุ้งโหยง
เขาจำเสียงร่าเริงหยอกเย้านั้นได้ดี “หะหัวหน้า!? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ”
“ก็มาแช่น้ำแร่ไง
ออนเซ็นทำอย่างอื่นนอกจากแช่น้ำแร่ไม่ได้หรอกนะ นายคงไม่มาต้มไข่ใช่มั้ย ฮ่า ฮ่า
ฮ่า” งินพูดเองขำเอง
“นึกว่าหัวหน้าแช่น้ำกับคนอื่นๆไปแล้ว”
อิสึรุมองพื้นเพื่อที่จะไม่ต้องมองแผ่นอกเปลือยเปล่า
ทั้งที่เป็นผู้ชายเหมือนกันแต่เขากลับใจเต้นตึกตัก
“ฉันไม่ค่อยชอบความอึกกะทึกน่ะ”
งินฉวยฟองน้ำจากมืออิสึรุ บีบสองสามทีให้เกิดฟองแล้วถูกลงบนแผ่นหลังของร่างบาง ใช้มืออีกข้างไล้ไปบนผิวเปลือยที่ยังไม่ได้ถูสบู่
“อิสึรุผิวสวยจังเลยนะ เนียนอย่างกับผู้หญิงแน่ะ”
ชายหนุ่มผมทองปัดมือแกร่งด้วยความตกใจ
คำชมของงินไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายทั่วไปชมกันหรอก
“หะหัวหน้า
ไม่ต้องถูให้หรอกครับ” ร่างบางเบี่ยงตัวหนี
“ถ้านายไม่ชอบ
งั้นถูหลังให้ฉันแทนแล้วกัน”
“เอ๋...คะครับ”
อิสึรุหยิบฟองน้ำขึ้นมาถูหลังให้งิน
อย่างน้อยให้เขาเป็นฝ่ายถูหลังให้ก็ไม่เสียวสะท้านเท่าเป็นฝ่ายถูกถูหลัง
เมื่อทำความสะอาดร่างกายเรียบร้อยแล้วสองหนุ่มก็ลงไปแช่น้ำแร่ด้วยกัน
อิสึรุได้แต่นั่งตัวเกร็ง ส่วนคุณจิ้งจอกเอนตัวพิงขอบอ่างหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข
“แช่น้ำแร่นี่ดีจริงๆเลยนะ
ว่างั้นมั้ยอิสึรุ”
“ครับ
ต้องขอบคุณหัวหน้าพวกเราจึงมีโอกาสได้มาที่นี่”
“โชคดีที่มีงบเหลือต่างหาก”
รอยยิ้มกว้างหุบลง งินยืดตัวขึ้นนั่งตรง มองไปยังอิสึรุ “ตอนนี้เราอยู่กันลำพังแล้วนะ
นายมีเรื่องอะไรไม่พอใจฉันก็บอกมาเถอะ ฉันสัญญาว่าจะรับฟังทุกอย่าง”
ชายหนุ่มผมทองก้มหน้านิ่ง
อดคิดไม่ได้ว่างินตั้งใจหาโอกาสอยู่กับเขาตามลำพังเพื่อพูดเรื่องนี้
“หัวหน้าไม่เห็นต้องใส่ใจความรู้สึกของผมขนาดนี้เลยนี่ครับ”
“ไม่ได้หรอก
นายเป็นรองหัวหน้าหน่วยของฉันนะ สำหรับหน่วยสามนายคือคนที่มีความสำคัญรองจากฉัน
พวกเราจึงต้องเข้าใจกันไงล่ะ”
“นั่นแหละคือสิ่งที่ผมไม่สบายใจ”
“เอ๋”
งินกระพริบตาปริบๆ
“ทำงานกับหัวหน้ามาเกือบครึ่งปีแล้ว
แต่ผมไม่เข้าใจหัวหน้าสักนิด”
“ฉันทำอะไรให้นายลำบากใจเหรอ”
“ไม่มีครับ
แค่ไม่สบายใจที่ไม่เข้าใจหัวหน้า” อิสึรุหน้าเครียด
“เรื่องนั้นอย่ากังวลไปเลย
ไม่มีใครเข้าใจฉันหรอก”
“เอ๋!?” อิสึรุกระพริบตาปริบๆบ้าง
“เมื่อครู่หัวหน้าพูดเองนะครับว่าพวกต้องเข้าใจกัน”
“ฉันหมายถึงฉันอยากเข้าใจนาย
แต่อิสึรุคุงไม่จำเป็นต้องเข้าใจฉันก็ได้” งินยิ้มเหมือนจิ้งจอก
“อ้าว”
ชายหนุ่มผมทองเม้มปากอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะงินเป็นแบบนี้เขาถึงไม่เข้าใจอะไรเลย
“ขอโทษนะที่ทำให้นายเครียด
แต่การทำตัวเข้าใจยาก ไม่น่าไว้วางใจคือความสนุกของฉัน” งินยื่นมือไปลูบหัวอิสึรุเบาๆอย่างเอ็นดู
“แล้วคุณมัตสึโมโตะล่ะครับ”
“หือ!? ทำไมอยู่ๆถามถึงรันงิคุล่ะ”
งินเลิกงิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ
“หัวหน้าเป็นเพื่อนกับคุณมัตสึโมโตะตั้งแต่เด็กไม่ใช่เหรอครับ”
“ใช่
แต่รันงิคุก็ไม่เข้าใจหรอกว่าฉันคิดอะไรอยู่” หัวหน้าหน่วยสามตอบหน้าระรื่น
“หัวหน้าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรกันครับ
แม้แต่คนที่ชอบหัวหน้าและหัวหน้าเองก็ชอบ แต่กลับปล่อยให้เขาสับสน
การปั่นหัวคนเล่นเป็นความสุขของหัวหน้าเหรอครับ” อิสึรุกัดริมฝีปากอย่างไม่สบอารมณ์
คุณจิ้งจอกนิ่งอึ้ง
“นี่นายกำลังว่าฉันเหรอ?”
“ไม่บังอาจหรอกครับ”
เสียงห้วนๆของอิสึรุบ่งบอกชัดเจนถึงการต่อว่า ร่างบางผุดลุกขึ้นจากน้ำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น